เมืองยะหา
ประวัติ
พื้นที่ของอำเภอยะหาแยกมาจากอำเภอเมืองยะลาในปี พ.ศ. 2481 สมัยหลวงรัชกาลประดิษฐ์ (แปะ) เป็นเจ้าเมืองยะลาและหมื่นเสนานุรักษ์ (ประดิษฐ์ ศุภอักษร)
ปลัดเมืองยะลาในขณะนั้นได้สำรวจพื้นที่และคัดเลือกตำบลยะหาเป็นที่ตั้งที่ว่าการอำเภอยะหา เบื้องต้นแบ่งออกเป็น 11 ตำบลได้แก่ ตำบลยะหา ตำบลตาชี ตำบลบาโงยซิแน ตำบลสะเอะ ตำบลบาโร๊ะ ตำบลปะแต ตำบลซีเยาะ ตำบลบาโงย ตำบลชะเมาะ และตำบลลาบู
พ.ศ. 2443 หลวงภักดีรณฤทธิ์ นายอำเภอยะหาในขณะนั้น ได้ปรับปรุงเขตการปกครองใหม่ โดยยุบบางตำบลรวมกับอีกตำบลเข้าด้วยกัน ยุบตำบลบาโงยรวมกับตำบลบาโร๊ะ ยุบตำบลซีเยาะรวมกับตำบลบาโงยซิแน และยุบตำบลชะเมาะรวมกับตำบลละแอ
การปกครองส่วนภูมิภาค[แก้]
1. | ยะหา | (Yaha) | 9 หมู่บ้าน | |||||||
2. | ละแอ | (La-ae) | 6 หมู่บ้าน | |||||||
3. | ปะแต | (Patae) | 9 หมู่บ้าน | |||||||
4. | บาโร๊ะ | (Baro) | 8 หมู่บ้าน | |||||||
5. | ตาชี | (Ta Chi) | 5 หมู่บ้าน | |||||||
6. | บาโงยซิแน | (Ba-ngoi Sinae) | 6 หมู่บ้าน | |||||||
7. | กาตอง | (Ka Tong) | 6 หมู่บ้าน |
ประชากร
ส่วนใหญ่ประชากรของอำเภอยะหาส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมลายู นับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวนมากถึงร้อยละ 93 ซึ่งมีความเคร่งครัดต่อศาสนา และนิยมส่งบุตรหลานเรียนหลักธรรมของศาสนา นอกจากนี้ยังมีชาวไทยพุทธ เป็นส่วนน้อยโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตสุขาภิบาล และตำบลตาชี รวมกันมีร้อยละ 3 นอกจากนี้ยังมีชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวไทยถิ่นอีสานอาศัยอยู่ในเขตสุขาภิบาลด้วย
- ด้านภาษา ส่วนใหญ่ประชาชนนิยมพูดภาษามลายูถิ่น แต่เมื่อชาวไทยมุสลิมต้องการพูดคุยกับชาวไทยพุทธก็จะพูดภาษาไทย หรือภาษาไทยถิ่นใต้ นอกจากนี้ชาวไทยพุทธบางคนก็สามารถใช้ภาษามลายูโต้ตอบได้ แต่ส่วนใหญ่นิยมใช้ภาษาไทยถิ่นใต้
- ด้านอาชีพ ส่วนใหญ่ประชาชนในอำเภอยะหาจะทำเกษตรกรรมเป็นส่วนมาก เช่น ปลูกต้นยางพารา และยังมีอาชีพรับจ้าง เช่น คนสวนกรีดยางและค้าขาย